เทน ฮาก ผู้จัดการทีมหัวเหม่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูเหมือนว่าเขายังคงสามารถรักษาตำแหน่งหน้าที่การงานไว้ต่อได้ แม้ว่านับตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2024/25 ผลงานของเขาจะน่าผิดหวังอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีการพูดถึงอนาคตของกุนซือชาวฮอลแลนด์ อยู่ตลอดหลังจากกระแสข่าวประโคมหนักขึ้นเรื่อย ๆ ว่าบอร์ดบริหารของแมนฯยูไนเต็ด กำลังวางแผนเด้งเขาพ้นตำแหน่งผู้จัดการทีม
หลังความพ่ายแพ้ต่อท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 0-3 คาสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ยิ่งทำให้มีข่าวลือหนักขึ้นว่าบิ๊กใหญ่ผู้บริหารของแมนฯยูไนเต็ด ไม่ต้องการให้เอริค อยู่คุมทีมอีกต่อไป
ในขณะเดียวกันหลังเกมเสมอกับเอฟซี ปอร์โต้ 3-3 ในรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า ยูโรป้าลีก มีการเปิดเผยว่าบอร์ดบริหารสโมสรกำลังเข้าประชุมเพื่อตัดสินอนาคตของเอริค และหลังจากนั้นให้หลังเพียงแค่ 4 วัน ทีมก็ทำได้แค่เสมอแอสตัน วิลล่า 0-0 ในพรีเมียร์ลีก ก่อนพักเบรคทีมชาติ
มีการจับภาพบรรดาผู้บริหารของ ” ปีศาจแดง ” ได้เดินทางมายังออฟฟิศสโมสรเพื่อหารือกับเรื่องนี้ พร้อมกับข่าวคราวว่าประเด็นหลักคือการพูดถึงอนาคตของเทน ฮาก และอีกกระแสข่าวคือการเลือกผู้จัดการทีมคนใหม่
เอริค เทน ฮาก ดูเหมือนยังไม่ว่างงานในช่วงพักเบรคทีมชาติ
ทว่าการยืนยันจากสกายสปอร์ต ล่าสุดระบุว่าตอนนี้เอริค มั่นใจสูงว่าตัวเขายังไม่ตกงานในช่วงพักเบรคทีมชาติอย่างแน่นอน รวมถึงข่าวที่ว่าสโมสรกำลังเตรียมทาบทามโธมัส ทูเคิ่ล ก็ยังไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด
ในการประชุมล่าสุดที่มีบรรดาบิ๊กบอสของสโมสรทั้งเซอร์จิม เร้ดคลิฟฟ์, เซอร์เดฟ เบรลส์ฟอร์ด และโจเอล เกลเซอร์ มีการพูดคุยกันในเรื่องของการปฏิบัติการของฟุตบอล
นอกจากนี้การประชุมล่าสุดไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับผลงานขของแมนฯยูไนเต็ด ที่ไม่ชนะคู่แข่งมานานถึง 5 เกมติดต่อกัน รวมถึงฟอร์มการเล่นที่ห่วยสุดในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลของสโมสร
กุนซือวัย 54 ปี พาแมนฯยูไนเต็ด ตกอยู่อันดับที่ 14 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก หลังจากเก็บได้แค่ 7 แต้มเท่านั้น แถมแพ้ไปแล้ว 3 เกม นับเป็นความพ่ายแพ้ที่มากที่สุดเป็นอันดับ 3 จากทั้ง 20 ทีมในพรีเมียร์ลีก
มีเพียงแค่วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส (6 เกม), เซาแธมป์ตัน (6 เกม), ครัสตัล พาเลซ (4 เกม) และเอฟเวอร์ตัน (4 เกม) ที่แพ้มากกว่าแมนฯยูไนเต็ด
หลังจากผ่านช่วงพักเบรคทีมชาติทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคิวเปิดบ้านรับการมาเยือนของเบรนท์ฟอร์ด ในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ ก่อนจะบุกเยือนเฟเนร์บาห์เช่ ในวันที่ 24 ตุลาคมนี้