อาร์เซน่อล กลายเป็นสโมสรที่ 4 จาก 5 ทีมชั้นนำพรีเมียร์ลีก ที่สเตอร์ลิ่ง เคยย้ายไปร่วมทีมด้วย ซึ่งเขาไม่เคยสนใจกับความขัดแย้งกับต้นสังกัดเก่าไม่ว่าจะเรื่องอริร่วมลีก ไปจนถึงอริร่วมเมือง และนี่คือเส้นทางการเล่นให้ทีมใหญ่ของเขา

ลิเวอร์พูล (2010-2015)

สเตอร์ลิ่ง เริ่มต้นเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลกับลิเวอร์พูล โดยเขาไต่เต้ามาจากทีมเยาวชนที่อยู่ตั้งแต่ปี 2010-12 ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมตั้งแต่ปี 2012-15 พร้อมกับยกระดับตัวเองเป็นดาวรุ่งชั้นนำของอังกฤษ

เขายิงไป 23 ประตู กับ 18 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 129 เกม แม้ว่าจะไม่เคยคว้าแชมป์กับทีม แต่ก็ทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงไปทั่วยุโรป

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2015-22)

ด้วยพรสวรรค์ที่แจ้งเกิดกับลิเวอร์พูล ทำให้เขาถูกแมนฯซิตี้ เซ็นสัญญามาร่วมทีมด้วยค่าตัว 49 ล้านปอนด์ ในปี 2015 และทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลกับต้นสังกัด

เขายิงไป 131 ประตู กับ 73 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 339 เกมรวมทุกรายการ และพาทีมคว้าแชมป์

• 5 ลีกคัพ
• 4 พรีเมียร์ลีก
• 1 เอฟเอ คัพ
• 1 เอฟเอ คอมมิวนิตี ชีลด์

เชลซี (2022- ??)

หลังเสียตำแหน่งตัวจริงในทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทางเชลซี ก็คว้าตัวเขามาร่วมทีมทันทีด้วยค่าตัว 47.5 ล้านปอนด์ เขาเป็นตัวหลักของทีมมาโดยตลอดไม่ว่าจะยุคของเกรแฮม พอตเตอร์ หรือว่าเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก่อนจะไม่มีที่ว่างให้เขาในยุคของมาเรสก้า

สเตอร์ลิ่ง ยิงไป 19 ประตู กับอีก 12 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 81 เกมรวมทุกรายการ โดยผลงานดีสุดคือการพาทีมเข้าชิงลีกคัพ 2023/24

อาร์เซน่อล (2024-25)

อาร์เซน่อล กลายเป็นสโมสรล่าสุดของสเตอร์ลิ่ง หลังตกลงยืมตัวมาจากเชลซี อริร่วมกรุงลอนดอน โดยเขาจะได้ร่วมงานกับอาร์เตต้า อีกครั้ง รวมถึงเพื่อนสนิทในทีมชาติอังกฤษอย่างบูกาโย่ ซาก้า และดีแคลน ไรซ์

มาลุ้นกันว่าเส้นทางทีมลุ้นแชมป์ทีมที่ 4 ของเขาจะจบแค่การยืมตัวชั่วคราว หรือในอนาคตอาจเห็นเขาย้ายเข้ารังเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม แบบถาวร