อันเดรส อิเนียสต้า มิดฟิลด์ระดับตำนานของทีมชาติสเปน เตรียมประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ หลังโลดแล่นบทเวทีลูกหนังมายาวนานกว่า 24 ปี
อิเนียสต้า ถูกยกย่องเป็นหนึ่งมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดตลอดกาลของวงการฟุตบอลหลังประสบความสำเร็จทุกถ้วยรางวัลชั้นนำในระดับสโมสร เช่นเดียวกับทีมชาติสเปน ที่เขาคว้าแชมป์ทั้งยูโร และฟุตบอลโลก
สตาร์วัย 40 กระรัต เพิ่งย้ายออกจากญี่ปุ่นกับสโมสรวิสเซล โกเบ ไปร่วมทีมเอมิเรสต์ เอฟซี ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเขาจะหมดสัญญากับทีมหลังจบฤดูกาล 2024/25
อันเดรส อิเนียสต้า เส้นทางอาชีพที่ยอดเยี่ยม และยิ่งใหญ่
อิเนียสต้า เริ่มต้นเส้นทางอาชีพกับการพัฒนาฝีเท้าในอะคาเดมี่ของอัลบาเซเต้ ก่อนจะย้ายมาพัฒนาฝีเท้าต่อในลา มาเซีย ทีมเยาวชนของบาร์เซโลน่า และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้รับการจับตามอง
ในปี 2000 เขาถูกดันขึ้นมาสู่ทีมชุดบี ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่แบบเต็มตัวในอีก 2 ปีต่อมา และหลังจากนั้นคือเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ของเขา ด้วยการพาบาร์เซโลน่า ประสบความสำเร็จทุกรายการกับ 16 ปีในถิ่นคัมป์นู ด้วยสถิติ
- ลา ลีกา : 442 เกม 35 ประตู 84 แอสซิสต์
- ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : 130 เกม 11 ประตู 29 แอสซิสต์
- โกปา เดล เรย์ : 73 เกม 10 ประตู 14 แอสซิสต์
- สแปนิช ซูเปอร์คัพ : 14 เกม 1 ประตู 3 แอสซิสต์
- สโมสรโลก : 7 เกม 3 แอสซิสต์
- ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ : 3 เกม
- ยูฟ่า คัพ : 3 เกม
- 9 แชมป์ลา ลีกา
- 6 แชมป์โกปา เดล เรย์
- 5 แชมป์สแปนิช ซูเปอร์คัพ
- 4 แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
- 3 แชมป์สโมสรโลก
- 2 แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ
ในขณะเดียวกันการย้ายไปค้าแข้งในญี่ปุ่นช่วยปลายอาชีพเขาก็ทำผลงานได้โดดเด่นเหมือนเคยด้วยการยิงไป 21 ประตู กับ 22 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 114 เกมในเจลีก และคว้าแชมป์ 3 สมัย กับช่วงเวลา 5 ปี
กับทีมชาติสเปน เขาก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยมด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1 สมัยในปี 2010 และแชมป์ยูโร 2 สมัยติดต่อกันในปี 2008 กับ 2012 โดยเขาลงเล่นไปทั้งหมด 131 เกม ยิงได้ 13 ประตู
อิเนียสต้า ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ระดับตำนานของโลก นอกจากความสำเร็จที่เขาได้มากมาย รวมถึงความสำเร็จส่วนตัว เขายังถูกยกย่องในพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมจนหาใครมาเทียบได้ แต่ในเร็ว ๆ นี้ยุคสมัยของเขากำลังจะจบลง